หลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา
ในยุคก่อนจะบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ใช้วิธีท่องจำ (มุขปาฐะ)
โดยใช้วิธีการแบ่งให้สงฆ์หลาย ๆ กลุ่มรับผิดชอบท่องจำในแต่ละเล่ม
เป็นเครื่องมือช่วยในการรักษาความถูกต้องของหลักคำสอน
จวบจนได้ถือกำเนิดอักษรเขียนที่เลียนแบบเสียงเกิดขึ้นมาซึ่งสามารถรักษาความถูกต้องของคำสอนเอาไว้ได้แทนอักษรภาพแบบเก่าที่รักษาความถูกต้องไม่ได้
จึงได้มีการบันทึกพระธรรมและพระวินัยเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นภาษาบาลี
รักษาไว้ในคัมภีร์เรียกว่า "พระไตรปิฎก" ซึ่งสามารถแยกออกได้เป็น 3 หมวดหลัก ได้แก่
วินัยปิฎก
ว่าด้วยวินัยหรือศีลของภิกษุ ภิกษุณี สุตตันตปิฎก
ว่าด้วยพระธรรมทั่วไป และเรื่องราวต่าง ๆอภิธรรมปิฎก
ว่าด้วยธรรมะที่เป็นปรมัตถ์ธรรม หรือธรรมะที่แสดงถึงสภาวะล้วน ๆ ไม่มีการสมมุติ
ผู้สืบทอด
ผู้สืบทอดในทางศาสนาพุทธ
ได้แก่ พุทธบริษัท 4
อันหมายถึง พุทธศาสนิกชน พุทธมามกะ พุทธสาวก อันเป็นกลุ่มผู้ร่วมกันนับถือ
ร่วมกันศึกษา และร่วมกันรักษาพุทธศาสนาไว้
ผู้นับถือศาสนาพุทธที่ได้บวชเพื่อศึกษา
ปฏิบัติตามคำสอน (ธรรม) และคำสั่ง (วินัย)
และมีหน้าที่เผยแผ่พระธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระภิกษุสงฆ์
ในกรณีที่เป็นเพศชาย และ พระภิกษุณีสงฆ์ ในกรณีที่เป็นเพศหญิง
สำหรับผู้บวชที่ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์
20 ปี จะเรียกว่าเป็น สามเณร
สำหรับเด็กชาย และ สามเณรีและสิกขมานา (สามเณรีที่ต้องไม่ผิดศีล 6 ข้อตลอด 2 ปี) สำหรับเด็กหญิง
ลักษณะการบวชสำหรับภิกษุหรือภิกษุณี จะเรียกเป็นการอุปสมบท
สำหรับสามเณรหรือสามเณรีและสิกขมานา จะเรียกเป็นการ บรรพชา


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น